แมนซิตี้เปิดบ้านเสมอลิเวอร์พูลสุดมันส์ พรีเมียร์ลีก

เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา คอบอลต่างจับตามองไปที่ “บิ๊กแมตช์” พรีเมียร์ลีก ประจำสัปดาห์ เป็นการพบกันระหว่าง เจ้าบ้าน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 12 เปิดสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของแชมป์เก่า ลิเวอร์พูล ที่หล่นมาอยู่อันดับ 4 หากเกมนี้  “หงส์แดง” บุกมาคว้าชัยจะแซงทั้ง เซาธ์แฮมป์ตัน, สเปอร์ส และเลสเตอร์ ซิตี้ กลับไปนั่งจ่าฝูงเหมือนเดิม

เริ่มการแข่งขันในครึ่งเวลาแรกไปเพียง 12 นาที ไคล์ วอล์คเกอร์ ไปทำฟาวล์โดยกระแทกใส่ ซาดิโอ มาเน่ ในกรอบเขตโทษอย่างชัดเจน ผู้ตัดสิน เคร็ก พาวสัน เป่าเป็นจุดโทษทันที ผู้สังหารจุดโทษเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ซัดเข้าไปไม่พลาดทำให้ ลิเวอร์พูล บุกมานำ “เรือใบ” 1-0 และเป็นประตูที่ 8 ของเจ้าตัวนำดาวซัลโวร่วมกับ ซน ฮึง-มิน, เจมี่ วาร์ดี้, และโดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน

แต่แล้ว นาที 31 แมนฯซิตี้ ไล่ตีเสมอ “หงส์แดง” 1-1 สำเร็จ บอลจาก ไคล์ วอล์คเกอร์ แทงเข้ากลางให้  เควิน เดอ บรอยน์ ก่อนจ่ายเข้ากรอบให้ กาเบรียล เชซุส พลิกบอลหลบ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เข้าไปจิ้มบอลผ่านมือ เอแดร์ซอน

กาเบียล เฆซุส ยิงประตูตีเสมอ

นาที 40 เควิน เดอ บรอยน์ ครอสบอลจากด้านข้างไปติด โจ โกเมซ ในเขตโทษ ซึ่งแข้งเรือใบต่างวิ่งมาประท้วง เคร็ก พาวสัน ว่าโดนแขนโกเมซ ก่อนผู้ตัดสินจะวิ่งไปดูจอ VAR ข้างสนามแล้วกลับมาชี้ให้จุดโทษแต่เจ้าถิ่น ทว่า เควิน เดอ บรอยน์ ดันยิงพลาดซัดด้วยขวาส่งบอลหลุดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย สกอร์ยังเสมอกัน 1-1

ข่าวร้ายของ “หงส์แดง” เมื่อต้องเสีย เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อจนเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่ง เจมส์ มิลเนอร์ ลงเล่นแทนในนาทีที่ 62

ช่วงท้ายเกม ทั้งสองทีมหาโอกาสเข้าทำค่อนข้างยากทำให้จบเกม แมนฯ ซิตี้ เสมอกับ ลิเวอร์พูล 1-1 แบ่งแต้มกันไป ทำให้ “เรือใบสีฟ้า” มีแต้มเพิ่มเป็น 12 คะแนนจากการเล่นแค่ 7 นัด รั้งอันดับ 11 ส่วน “หงส์แดง” แซงนักบุญขึ้นมารั้งอันดับ 3 มี 17 คะแนนเท่ากับ สเปอร์ส แต่ลูกได้เสียเป็นรอง โดยตามหลังจ่าฝูง เลสเตอร์ ซิตี้ แค่คะแนนเดียว