แมนยูเฉือนลิเวอร์พูล เข้าเอฟเอคัพ รอบ 5

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-2 ลิเวอร์พูล

เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4 คู่ที่น่าสนใจเป็น ศึกแดงเดือด ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ผลงานก่อนเข้ารอบมาเจอกันของทั้งสองทีม เจ้าบ้าน “ผีแดง” ก่อนเข้ามายังรอบนี้โดยเอาชนะ วัตฟอร์ด 1-0 ส่วนทางด้านทีมเยือน “หงส์แดง” เอาชนะ แอสตัน วิลล่า มาได้ถึง 4-1

ผู้ตัดสินเป่านกหวีดเริ่มการแข่งขันครึ่งเวลาแรกมาได้ 18 นาที เป็นทางด้านทีมเยือนได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 จากจังหวะของ ไวนัลดุม ที่พาบอลขึ้นมา ก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจจ่ายไปให้ ฟีร์มีโน่ มีโอกาสหาจังหวะจากนั้นเจ้าตัวตัดสินใจจ่ายทะลุช่องให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่วิ่งหน้าตั้งเติมขึ้นมา ก่อนหลุดเข้าไปก่อนชิพบอลข้ามตัว ดีน เฮนเดอร์สัน เข้าไปอย่างเหนือชั้น

แต่การแข่งขันผ่านไปเพียงไม่นานในนาที่ 25 “ผีแดง” มาได้ประตูตามตีเสมอ 1-1 สำเร็จ จากจังหวะการเข้าทำเริ่มจาก ปอล ป็อกบา ตัดบอลจากหน้ากรอบเขตโทษของตัวเองได้ ก่อนที่ ฟาน เดอ เบ็ค จะได้บอลแล้วจ่ายสุดสวยไปให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด กระชากไปทางฝั่งขวา จากนั้นเจ้าตัววางบอลยาวจากครึ่งสนามไปให้ เมสัน กรีนวู้ด หลุดกับดักล้ำหน้า ก่อนซัดเลียดผ่าน อลีสซง เข้าไปอย่างเฉียบขาด

จากนั้นก่อนหมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก ในนาที 42 ฟาบินโญ่ ไปพลาดท่าเสียใบเหลือง จากจังหวะที่ไปเสียบใส่ เมสัน กรีนวู้ด ก่อนจะเป็น ปอล ป็อกบา ที่ได้โอกาสปั่นฟรีคิก แต่น่าเสียดายที่บอลหลุดเสาแรกออกไป

หมดเวลาการแข่งขันในครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีมผลัดกันสร้างโอกาสกันไปมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 ลิเวอร์พูล

กลับมาแข่งขันกันต่อในครึ่งเวลาหลัง แข่งกันได้เพียงแค่ 3 นาที คราวนี้เป็นฝั่งเจ้าบ้าน “ผีแดง” ได้โอกาสทำประตู 2-1 พลิกแซงขึ้นนำ จากจังหวะแย่งบอลได้จากแดนกลาง ก่อนถึง เมสัน กรีนวู้ด วางบอลทะลุช่องไปถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดกับดักล้ำหน้ากระชากบอลหน้าตั้งเข้าไปซัดบอลผ่านตัว อลีสซง เข้าไปซุกก้นตาข่าย

เจ้าถิ่นได้เฮเพียงไม่นานในนาทีที่ 58 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตามตีเสมอเป็น 2-2 จากจังหวะของ เจมส์ มิลเนอร์ ตัดบอลจากแนวรับเจ้าถิ่นได้ จากนั้นปาดให้ ฟีร์มีโน่ แทงบอลเข้ากลางให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ วิ่งเติมมาซัดเต็มข้อล่อเต็มแข้ง บอลพุ่งเข้าไปซุกก้นตาข่าย

แต่แล้วเป็นทางด้านเจ้าถิ่นที่ได้ประตูสำคัญในนาทีที่ 78 กลายเป็น “ผีแดง” ที่ใช้โอกาสไม่เปลืองและได้ประตูขึ้นนำ 3-2 จากจังหวะฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษไม่ถึง 18 หลา และเป็น บรูโน่ แฟร์นันด์ส วิ่งมาปั่นบอลอ้อมกำแพงผ่านมือ อลีสซง ที่พยายามพุ่งรับไว้แต่ไม่ทัน บอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างเหนือชั้น

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทางด้านเจ้าบ้านที่ใช้โอกาสได้คุ้มกว่า ส่งผลให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปแบบสุดมันส์ 3-2 ผ่านเข้าไปเล่นใน เอฟเอ คัพ รอบ 5 พบกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้